การปลูกชมพู่ยักษ์ไต้หวันในประเทศไทย

ในแปลงปลูกชมพู่ของเกษตรกรไต้หวันรายหนึ่งมีการจัดการสวนที่ดีมาก หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าต้นชมพู่ของสวนแห่งนี้มีอายุต้นได้ 28 ปี เส้นผ่าศูนย์กลางของต้นเฉลี่ย 10-12 นิ้ว มีการควบคุมทรงพุ่มให้ความสูงของต้นเฉลี่ย 3-4 เมตรเท่านั้น ทางด้านสายพันธุ์ที่ปลูกเจ้าของสวนบอกว่านำพันธุ์มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่ได้ระบุประเทศแต่คาดว่าน่าจะนำพันธุ์มาจากประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย เนื่องจากพันธุ์ชมพู่ที่ผลิตขายส่งในไต้หวันในปัจจุบันนี้จะมีขนาดผลใหญ่, ลักษณะผลเป็นทรงระฆังและผลมีสีชมพูอมแดง เท่าที่ได้ชิมนับได้ว่าอร่อยมาก นอกจากพันธุ์ชมพู่ที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่สวนชมพู่แห่งนี้ยังมีชมพู่อีกสายพันธุ์

หนึ่งที่เจ้าของสวนอ้างว่าได้สายพันธุ์มาจากประเทศโปรตุเกส และเป็นพันธุ์ที่เจ้าของหวงมากและยังไม่มีผลผลิต เนื่องจากเป็นพันธุ์ชมพู่ที่มีลักษณะเด่นหลายประการ นอกจากผลจะมีขนาดใหญ่แล้ว ผลจะมีสีแดงสดคล้ายกับชมพู่ทับทิมจันท์ แตกต่างกับพันธุ์ทับทิมจันท์ตรงที่ทรงผลของชมพู่พันธุ์โปรตุเกส ลักษณะผลทรงระฆังและขนาดผลใหญ่มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 200 กรัมต่อผล รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย อร่อยมาก เจ้าของสวนจะเรียกชมพู่พันธุ์นี้ว่า “ชมพู่สตรอเบอรี่” แต่จะเปรียบเทียบกับบ้านเราคล้ายกับมีรสชาติของชมพู่มะเหมี่ยวปนเล็กน้อย เจ้าของสวนคาดว่าชมพู่พันธุ์โปรตุเกสนี้จะได้รับความสนใจในตลาดไต้หวันมากในอนาคต เนื่องจากเป็นชมพู่ที่มีเนื้อละเอียด นุ่มไม่แข็งกรอบจนเกินไป เวลากัดจะไม่รู้สึกปวดฟันสำหรับผู้สูงอายุที่อยากทานชมพู่และประโยชน์จากรสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร โทร. 08-1886-7398 ได้พันธุ์ชมพู่ยักษ์มาจากไต้หวันนำมาเสียบยอดบนต้นชมพู่ทับทิมจันท์ ปัจจุบันต้น “ชมพู่ยักษ์ไต้หวัน” นั้นได้ให้ผลผลิตแล้วมีลักษณะที่โดดเด่นมาก ดังนี้ “ผลมีขนาดใหญ่มากและมีน้ำหนักผลประมาณ 350 กรัม หรือ 3 ผลต่อกิโลกรัม ผิวผลมีสีขาวอมชมพูหรือสีชมพูอมแดง ลักษณะของทรงผลเป็นรูประฆังคว่ำใหญ่ มีความกว้างของผลเฉลี่ย 7 เซนติเมตรและความยาวของผลเฉลี่ย 9-10 เซนติเมตร เนื้อหนามากและเป็นชมพู่ไร้เมล็ด รสชาติหวานกรอบ มีความหวานประมาณ 13-14 บริกซ์ ถ้าผลผลิตแก่และเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้งจะมีความหวานสูงกว่านี้” และผิวผลจะมีสีชมพูเข้มสวยงาม ส่วนเรื่องของการเจริญเติบโตของชมพู่ยักษ์ไต้หวันเมื่อนำมาปลูกในบ้านเราพบว่ามีการเจริญเติบโตดีมาก มีการออกดอกและติดผลในช่วงเวลา 1 ปีแรกหลังการปลูกเท่านั้น การออกดอกและติดผลดกมาก แม้จะทดลองปล่อยให้ชมพู่ยักษ์ไต้หวันติดผลเป็นพวงโดยไม่มีการตัดแต่งผลออกก็ตาม ที่สำคัญควรจะต้องมีการให้ปุ๋ยและน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงของการเลี้ยงผลเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ. (เดลินิวส์)

ข้อความนี้ถูกเขียนใน Diary คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น