คีเลต

ปุ๋ยทางใบใช้ได้ทั้งทางใบ และดิน (แต่ถ้านำมาใช้ทางดินจะถือว่าสิ้นเปลือง)
เนื่องจากในกระบวนการผลิตธาตุอาหารสำหรับให้ต้นพืชนั้น มีการผลิตออกมาในสองลักษณะคือ ให้ทางราก กับให้ทางใบ ดังนั้นคุณสมบัติการจับของโมเลกุลของธาตุอาหาร จะมีความแตกต่างกัน ธาตุอาหารบางชนิดที่มีประจุบวกได้แก่เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส ฯลฯ

ธาตุอาหารเหล่านี้เมื่อนำมาใช้ทางดินก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากลักษณะการดูดซึมของต้นไม้นั้น ่จะใช้วิธีดูดธาตุอาหารในรูปของ สารละลายจากน้ำ โดยใช้กระบวนการปรับระดับความดันภายในต้นไม้ เพื่อให้สารอาหารสามารถเคลื่อนที่ไปยังส่วนต่างๆ ของต้นไม้ได้ ด้วยการใช้วิธีัการลดความดันยอดด้วยการคายน้ำออกทางใบทำให้แรงดันส่วนปลายลดลง สารที่ละลายธาตุอาหารในดินจึงสามารถถูกดูดซึมผ่านขึ้นไปทดแทนแรงดันที่ลดลงนั้นตามระบบรากได้

แต่เมื่อนำเรานำธาตุอาหาร (ปุ๋ยทางดิน) เหล่านั้น มาละลายน้ำ และฉีดพ่นทางใบ ปรากฎว่าโมเลกุลของธาตุอาหารบางประเภทมีประจุไฟฟ้าบวกอยู่ เมื่อไปกระทบกับประจุลบบริเวณใบ จึงเกิดการจับตัวกัน แ่ละพืชไม่ปล่อยให้ธาตุอาหารดังกล่าวซึมผ่านเ่ข้าทางปากใบได้ จึงเิกิดการตกตะกอนค้างอยู่บนใบ รอวันฝนชะล้างลงดินละลายไปกับน้ำฝน แล้วซึมผ่านตามระบบรากปกติ ดังนั้นในบางครั้งที่เราไม่รู้ เราก็ยังคงคิดว่ามันสามารถใช้ได้กับทางใบได้ ซึ่งในความเป็นจริงๆ มันใช้ซึมผ่านเข้าต้นไม้ในทางใบ….ไม่ได้

ดังนั้นเราจึงใช้สารคีเลต (Chelate) ซึ่งมีทั้งในธรรมชาติ และการสังเคราะห์ มาเป็นตัวจับธาตุอาหารที่มีประจุบวกเหล่านี้ ทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า คึเลตชั่น (chelation) ซึ่งจะเข้าไปล้อมธาตุอาหารเหล่านั้น ไม่ให้ประจุลบภายนอกเ้ข้ามาทำปฏิกริยาได้ (ประจุต่างกันพบกันจะดูดกันไว้ ทำให้เกิดการตกตะกอน) จึงทำให้ธาตุอาหารดังกล่าวกลายเป็นสารประกอบที่ไม่มีประจุไฟฟ้า ทำให้ไม่เกิดการตกตะกอน และพืชสามารถปล่อยให้ผ่านเข้าทางปากใบ และเนื่องจากสารประกอบคีเลต สามารถละลายน้ำได้ดี พืชจึงสามารถดูดซึมผ่านราก หรือปากใบ และสามารถนำสารธาตุอาหารรองเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้รวดเร็ว และใช้ได้ในทันที

สารคีเลตที่ใช้ทำปุ๋ยจุลธาตุหรือธาตุอาหารเสริมมีอยู่ 2 ประเภท คือ

1. สารอินทรีย์จากธรรมชาติ เช่น กรดฮิวมิก กรดฟีโนลิก กรดซิตริก และ กรดอะมิโน

2. สารคีเลตสังเคราะห์ เช่น EDTA ย่อมาจากเอทิลีนไดอามีน เตตราอะเซติก แอซิด

สารประกอบเหล่านี้ เรามักจะเรียกว่า “จุลธาตุ” เป็นกลุ่มธาตุอาหารที่เราให้ทางใบ

ดังนั้น ในผลิตภัณฑ์ธาตุอาหารทางเคมี ที่มีคำเขียนกำกับไว้ว่า “อยู่ในรูปสารประกอบคีเลต” จึงเป็นธาตุอาหารที่พัฒนามาเพื่อใช้เฉพาะทางใบโดยเฉพาะ แต่ถ้าจะเอาไปใช้กับทางดินก็สามารถใช้ได้ แต่เปลือง

ส่วนธาตุอาหารที่สร้างมาสำหรับใช้ทางดิน ไม่ได้ผ่านกระบวนการคีเลตชั่น จึงไม่ได้เป็นสารประกอบในรูปของคีเลต ที่จะสามารถนำมาใช้ทางใบได้ ถ้าเอาไปใช้จะเกิดการตกตะกอน แ่ละตกค้างอยู่ตามใบ รอเวลาฝนมาชะลงดิน

(ที่มา gotoknow . org/posts/534466)

ข้อความนี้ถูกเขียนใน Diary คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น